สิทธิประโยชน์ด้านศุลกากร (Privilege Customs)
สิทธิประโยชน์ด้านศุลกากรสำหรับบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุน
การส่งเสริมการลงทุนเป็นมาตรการหนึ่งในหลายมาตรการในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยมีหน่วยงานหลักที่ดูแลรับผิดชอบด้านการส่งเสริมการลงทุน คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้ให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรแก่ผู้ประกอบการในเขตส่งเสริมการลงทุนกรมศุลกากรซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลและรับผิดชอบในเรื่องภาษีอากรของรัฐและเพื่อการส่งเสริมการส่งออกแก่ผู้ประกอบการจึงต้องกำหนดระเบียบปฏิบัติสำหรับการปฏิบัติในการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ด้านภาษีอากรขาเข้า รวมไปถึงควบคุมดูแล อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากร
2.1 สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับ
(1) ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรหรือได้รับลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรลงเหลือกึ่งหนึ่ง
(2) ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือในบางเขตจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 -8 ปี
(3) ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นสำหรับส่วนที่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นระยะเวลา1-5ปีแล้วแต่เขตที่โรงงาน
ตั้งอยู่
(4) อนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาเป็น 2 เท่าเป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่เริ่มมีรายได้
(5) อนุญาตให้หักค่าติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกจากกำไรสุทธิร้อยละ 25 ของเงินที่ลงทุนในการนั้น
หลักเกณฑ์ข้างต้นเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไปที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะถือเป็นแนวทางในการให้สิทธิและประโยชน์แก้ผู้ประกอบการแต่ทั้งนี้อาจมีข้อยกเว้นในกรณีที่ประเภทกิจการที่จะให้การส่งเสริมนั้นคณะกรรมการได้ประกาศกำหนดเงื่อนไขเฉพาะเกี่ยวกับการให้สิทธิและ ประโยชน์ด้านภาษีอากรไว้เป็นอย่างอื่น
2.2 พิธีการด้านศุลกากรสำหรับบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) การปฏิบัติพิธีการนำเข้าสำหรับใบขนสินค้าขาเข้าประเภทส่งเสริมการลงทุน
- ผู้นำของเข้าจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าประเภทการส่งเสริมการลงทุน (แบบ กศก.99/1) และเอกสารประกอบตามที่กำหนดให้จัด เตรียมในการนำเข้าปกติพร้อมสำเนาคู่ฉบับหนังสือสั่งปล่อยของ BOI
- ผู้นำเข้านำเอกสารทั้งหมดไปยื่นต่อท่าหรือที่นำของเข้า
- กรมศุลกากรจะดำเนินการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ประเมินราคา-อากร และสั่งวางประกัน หรือยกเว้นภาษีอากร หรือการลดหย่อนภาษีอากร หรือเรียกเก็บภาษีอากรแล้วแต่กรณี แล้วคืนเอกสารให้ผู้นำเข้า
- ผู้นำเข้านำเอกสารไปติดต่อวางประกันหรือชำระอากร (ถ้ามี) ณ ฝ่ายบัญชีและอากร
- ผู้นำเข้านำหลักฐานการชำระอากรหรือวางประกันพร้อมเอกสารอื่น ๆ ทั้งหมดไปขอรับสินค้า ณ ส่วนตรวจสินค้า ซึ่งจะทำการตรวจปล่อยสินค้าเช่นเดียวกับการตรวจปล่อยสินค้าขาเข้าตามปกติ
(2) การค้ำประกันค่าภาษีอากร การค้ำประกันค่าภาษีอากรตามช่วงระยะเวลาที่สำนักงานส่งเสริมการลงทุนกำหนดให้กระทำ ณ ท่า หรือที่ที่นำของเข้า
(3) บัญชีรายการวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น วัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่นำเข้ามาผลิต ผสมหรือประกอบ เป็นผลิตภัณฑ์หรือผลิตผลซึ่งได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้ได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากรผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจะต้องนำเข้าตามช่วงระยะเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดรายการและปริมาณของของดังกล่าวข้างต้นนั้น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นผู้จัดทำและแจ้งกรมศุลกากร โดยจัดทำเป็น 2 บัญชีคือบัญชีแสดงรายการและปริมาณวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นหรือลดหย่อนอากรในแต่ละบัญชีราคาสินค้าที่นำเข้า และเป็นรายงวด 6 เดือน ในการนี้ กรมศุลกากรได้กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจสอบและควบคุมบัญชีวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นเฉพาะเป็นรายงวด 6เดือนดังนี้
- สำนักงานศุลกากรนำเข้าท่าเรือกรุงเทพ รับผิดชอบการนำเข้าทางเรือในเขต ท่ากรุงเทพ
- สำนักงานศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ รับผิดชอบการนำเข้าทางท่าอากาศยานกรุงเทพ
- ด่านศุลกากรที่นำของเข้า รับผิดชอบการนำเข้าทางด่านศุลกากรนั้นๆ ตามหนังสืออนุมัติของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนส่วนภูมิภาค
(4) การโอนวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องโอนวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่ได้ยื่นไว้แล้วจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง ผู้นำของเข้าต้องยื่นคำร้องขอโอนวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น ตามแบบ กศก. 82 พร้อมสำเนา 1 ฉบับ ให้ผู้ควบคุมบัญชีที่ขอโอนตรวจสอบ เมื่อพิจารณาอนุมัติแล้วหน่วยงานที่ควบคุมบัญชีขอโอนจะส่งต้นฉบับคำร้องไปยังหน่วยงานที่รับโอน และเก็บสำเนาคำร้องไว้เป็นหลักฐานที่หน่วยงานของผู้ควบคุมบัญชีที่ขอโอน
(5) การตัดบัญชีวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการนำเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนด ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องจัดทำรายงานสรุปยอดบัญชีรายการวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นที่นำเข้าส่งให้สำนักงานศุลกากรหรือด่านศุลกากรที่เป็นหน่วยงานควบคุมบัญชีภายใน 15 วัน เพื่อกรมศุลกากรจะได้ดำเนินการปิดงวดบัญชีและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทราบ โดยตรงหากกรมศุลกากรตรวจพบวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นที่นำเข้ามีปริมาณหรือมีระยะเวลาการนำเข้าเกินจากบัญชีวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นที่ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจะพิจารณาความผิดและดำเนินการด้านคดีต่อไป
ป้ายกำกับ : archeep-free
-------------------------------------------------------------------------Boi -Advisor
ติอต่อ คุณฉลาด รักรู้
มือถือ : 094-478-3987
Email : winyour2011@gmail.com Website : boiadvisor.blogspot.com